สถานที่..ที่อยากไป..มากที่สุด
วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558
สมเด็จพระปทุมมุตระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือ หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์
ประวัติหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ วัดท่าซุง
หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นที่เก่าแก่ อยู่ในวิหารหลวงปู่ใหญ่มาตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ (หลวงปู่ใหญ่มาบูรณะวัดนี้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ ครองราชย์ได้ปีที่ ๙ หลวงปู่ใหญ่ท่านมาถึงวัดท่าซุงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๓๒)
ในวิหารนี้มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่หลายองค์ส่วนมากจะปั้นเป็นพระพุทธรูปทรงสมัยอยุธยาเป็นเกศหนามขนุนทั้งสิ้น ต่อมาพระพุทธรูปบางองค์รวมทั้งหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ ถูกพวกมิจฉาชีพตัดเอาเศียรพระไป และมีคนมาปั้นเศียรพระต่อให้แต่ก็ไม่สวยงามเท่าไรนัก โดยปั้นเป็นหน้าคนฟันเหยิน ตาโปน หมุ่นมวยผม
ดังนั้น เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๓ ผู้บูรณะได้กราบขออนุญาตจากพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อมหาวีระ ถาวโร หรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เจ้าอาวาสวัดท่าซุงในสมัยนั้น) ซ่อมแซมพระพุทธรูปทั้งหมดที่ชำรุด รวมทั้งขอปั้นปูนทับอค์หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ด้วย หลวงพ่อท่านอนุญาต และได้กล่าวอีกว่า พระพุทธรูปองค์นี้ เมื่อปั้นเสร็จให้ทำป้ายชื่อติดเอาไว้ พ่อให้ชื่อท่านว่า "หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์"ต่อไปในภายภาคหน้าจะมีคนขึ้นกับท่านมาก และนี่ก็คือประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ ตามที่ได้กล่าวมาจนถึงทุกวันนี้...
สิ่งที่ผู้คนนิยมมาทำบุญแลขอพระกับหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์มากทีเห็นก็คงจะเป็นการถวายผ้าสไบห่มองค์พระ โดยจะมีหลวงพี่องค์หนึ่งท่านนำสวดถวายและขอพรให้ เรียกว่าแบบละเอียดเลยก็ว่าได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าคนเยอะขนาดไหน ถ้าคนเยอะเกินไปท่านจะไม่อธิบายมาก แนะนำให้ไปวันธรรมดาคนน้อยๆท่านจะเล่าสาระดีๆให้เกี่ยวกับหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ให้ฟังอย่างละเอียด
โดยทั่วไปที่วิหารหลวงพ่อใหญ่แห่งนี้คนจะหนาแน่นเป็นพิเศษในช่วงงานฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง... เพราะเป็นช่วงที่บุคคลทั้งหลายต้องการกำลังใจกันสุดๆ เรียกว่าช่วงก่อนงานมโนยิทธิภายในวิหารนี้แทบไม่มีที่จะให้นั่งเลยก็ว่าได้ ที่แน่นไม่ใช่เพราะอะไร ส่วนใหญ่คนจะมาขอพรให้สำเร็จในการได้มโนมิยทธเต็มกำลังกันทั้งนั้นและส่วนใหญ่ก็สัมฤทธิ์ผลซะด้วย...
ฉะนั้นถ้าใครได้อ่านและปรารถนาที่จะได้ชมบารมีของท่านก็ขอเชิญสักการะได้ที่วิหารหลวงปู่ใหญ่ อยู่คู่กับโบสถ์เก่า วัดท่าซุง ท่านเป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์มาก บางท่านได้อธิษฐานจิตขอพรจากท่าน และได้สมความปรารถนาก็มีหลายราย ดังนั้นท่านใดที่สนใจจะเข้าชมบารมีหรืออธิษฐานจิตขอพรจากท่านก็เชิญได้ตามที่ปรารถนา ถ้าไม่เกินวิสัยก็ขอให้โชคดี สมความปรารถนาทุกผู้คน
คาถาบูชาหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์
ตั้ง นะโม 3 จบ
อิติ สุคะโต นะโมพุทธายะ พุทธบูชา วันทามิ
ให้ว่าคาถานี้วันละ 9 จบ เป็นอย่างน้อย บูชาทุกวัน
จัดเป็น "พุทธานุสสติ" และเป็นการเสริมบุญบารมี ความเป็นศิริมงคลแก่ตัวผู้สวดได้เป็นอย่างดี..
หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ วิหารหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ วัดท่าซุง
ที่มาจาก http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=417
/////////////////////////////////////
พระอาจารย์มหาสิงห์ วิสุทฺโธเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ถ้ำป่าไผ่มกราคม ๒๕๔๗ เรียนถามหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
พระพุทธเจ้าพระองค์ใดมีลาภเป็นพิเศษ?
ได้เคยกราบเรียนถามหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุงว่า จะสร้างพระพุทธรูปขององค์พระพุทธเจ้าพระองค์ใดจึงจะมีลาภเป็นพิเศษ องค์หลวงพ่อตอบว่า “สมเด็จองค์ปฐม ๑,
สมเด็จองค์พระปทุมุตตระ ๑,
สมเด็จองค์พระพุทธกัสสปะ ๑”
กราบเรียนถามต่อไปว่า " แล้วก็จะทำอย่างไรให้คนทั้งหลายรู้ว่าพระพุทธรูปองค์นี้เป็นองค์พระพุทธเจ้า พระองค์นั้น พระองค์นี้ ..?"
องค์หลวงพ่อก็ตอบว่า
“ ก็จะยากอะไรก็เขียนพระนามของท่านติดไว้ข้างหน้าสิ ”
ได้ตั้งใจอธิษฐานในวันก่อสร้างไว้ว่าขอให้เป็นสมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดาปาง ประทานพร แต่ยังไม่ได้เขียนพระนามใส่ไว้อยากจะปรับปรุงที่ประทับและพระองค์ท่านให้สวย ๆ สมพระเกียรติยิ่งกว่านี้ กำลังพยายามอยู่
สำหรับองค์พระพุทธกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังไม่ได้กำหนดว่าเป็นพระพุทธรูปองค์ไหน ด้านซ้ายมือทิศใต้มีวิหารหลังน้อยชื่อว่า “วิหารรัตนกุล” เป็นที่พักคอยญาติเหมือนกัน และมีตู้เซียมซีให้เสี่ยงทายด้วยที่วิหารนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหลวง พ่อฝนแสนห่า (อธิษฐานขอฝนได้) ตั้งใจอธิษฐานตอนที่สร้างขอให้เป็นองค์พระปทุมุตตระสัมมาสัมพุทธเจ้า......
ข้อมูลจาก พระอาจารย์มหาสิงห์ วิสุทฺโธเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ถ้ำป่าไผ่มกราคม ๒๕๔๗
https://www.facebook.com/pages/สมเด็จพระปทุมมุตตระ-หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์/250288668459359
หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นที่เก่าแก่ อยู่ในวิหารหลวงปู่ใหญ่มาตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ (หลวงปู่ใหญ่มาบูรณะวัดนี้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ ครองราชย์ได้ปีที่ ๙ หลวงปู่ใหญ่ท่านมาถึงวัดท่าซุงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๓๒)
ในวิหารนี้มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่หลายองค์ส่วนมากจะปั้นเป็นพระพุทธรูปทรงสมัยอยุธยาเป็นเกศหนามขนุนทั้งสิ้น ต่อมาพระพุทธรูปบางองค์รวมทั้งหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ ถูกพวกมิจฉาชีพตัดเอาเศียรพระไป และมีคนมาปั้นเศียรพระต่อให้แต่ก็ไม่สวยงามเท่าไรนัก โดยปั้นเป็นหน้าคนฟันเหยิน ตาโปน หมุ่นมวยผม
ดังนั้น เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๓ ผู้บูรณะได้กราบขออนุญาตจากพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อมหาวีระ ถาวโร หรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เจ้าอาวาสวัดท่าซุงในสมัยนั้น) ซ่อมแซมพระพุทธรูปทั้งหมดที่ชำรุด รวมทั้งขอปั้นปูนทับอค์หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ด้วย หลวงพ่อท่านอนุญาต และได้กล่าวอีกว่า พระพุทธรูปองค์นี้ เมื่อปั้นเสร็จให้ทำป้ายชื่อติดเอาไว้ พ่อให้ชื่อท่านว่า "หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์"ต่อไปในภายภาคหน้าจะมีคนขึ้นกับท่านมาก และนี่ก็คือประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ ตามที่ได้กล่าวมาจนถึงทุกวันนี้...
สิ่งที่ผู้คนนิยมมาทำบุญแลขอพระกับหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์มากทีเห็นก็คงจะเป็นการถวายผ้าสไบห่มองค์พระ โดยจะมีหลวงพี่องค์หนึ่งท่านนำสวดถวายและขอพรให้ เรียกว่าแบบละเอียดเลยก็ว่าได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าคนเยอะขนาดไหน ถ้าคนเยอะเกินไปท่านจะไม่อธิบายมาก แนะนำให้ไปวันธรรมดาคนน้อยๆท่านจะเล่าสาระดีๆให้เกี่ยวกับหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ให้ฟังอย่างละเอียด
โดยทั่วไปที่วิหารหลวงพ่อใหญ่แห่งนี้คนจะหนาแน่นเป็นพิเศษในช่วงงานฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง... เพราะเป็นช่วงที่บุคคลทั้งหลายต้องการกำลังใจกันสุดๆ เรียกว่าช่วงก่อนงานมโนยิทธิภายในวิหารนี้แทบไม่มีที่จะให้นั่งเลยก็ว่าได้ ที่แน่นไม่ใช่เพราะอะไร ส่วนใหญ่คนจะมาขอพรให้สำเร็จในการได้มโนมิยทธเต็มกำลังกันทั้งนั้นและส่วนใหญ่ก็สัมฤทธิ์ผลซะด้วย...
ฉะนั้นถ้าใครได้อ่านและปรารถนาที่จะได้ชมบารมีของท่านก็ขอเชิญสักการะได้ที่วิหารหลวงปู่ใหญ่ อยู่คู่กับโบสถ์เก่า วัดท่าซุง ท่านเป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์มาก บางท่านได้อธิษฐานจิตขอพรจากท่าน และได้สมความปรารถนาก็มีหลายราย ดังนั้นท่านใดที่สนใจจะเข้าชมบารมีหรืออธิษฐานจิตขอพรจากท่านก็เชิญได้ตามที่ปรารถนา ถ้าไม่เกินวิสัยก็ขอให้โชคดี สมความปรารถนาทุกผู้คน
คาถาบูชาหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์
ตั้ง นะโม 3 จบ
อิติ สุคะโต นะโมพุทธายะ พุทธบูชา วันทามิ
ให้ว่าคาถานี้วันละ 9 จบ เป็นอย่างน้อย บูชาทุกวัน
จัดเป็น "พุทธานุสสติ" และเป็นการเสริมบุญบารมี ความเป็นศิริมงคลแก่ตัวผู้สวดได้เป็นอย่างดี..
หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ วิหารหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ วัดท่าซุง
ที่มาจาก http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=417
/////////////////////////////////////
พระอาจารย์มหาสิงห์ วิสุทฺโธเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ถ้ำป่าไผ่มกราคม ๒๕๔๗ เรียนถามหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
พระพุทธเจ้าพระองค์ใดมีลาภเป็นพิเศษ?
ได้เคยกราบเรียนถามหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุงว่า จะสร้างพระพุทธรูปขององค์พระพุทธเจ้าพระองค์ใดจึงจะมีลาภเป็นพิเศษ องค์หลวงพ่อตอบว่า “สมเด็จองค์ปฐม ๑,
สมเด็จองค์พระปทุมุตตระ ๑,
สมเด็จองค์พระพุทธกัสสปะ ๑”
กราบเรียนถามต่อไปว่า " แล้วก็จะทำอย่างไรให้คนทั้งหลายรู้ว่าพระพุทธรูปองค์นี้เป็นองค์พระพุทธเจ้า พระองค์นั้น พระองค์นี้ ..?"
องค์หลวงพ่อก็ตอบว่า
“ ก็จะยากอะไรก็เขียนพระนามของท่านติดไว้ข้างหน้าสิ ”
ได้ตั้งใจอธิษฐานในวันก่อสร้างไว้ว่าขอให้เป็นสมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดาปาง ประทานพร แต่ยังไม่ได้เขียนพระนามใส่ไว้อยากจะปรับปรุงที่ประทับและพระองค์ท่านให้สวย ๆ สมพระเกียรติยิ่งกว่านี้ กำลังพยายามอยู่
สำหรับองค์พระพุทธกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังไม่ได้กำหนดว่าเป็นพระพุทธรูปองค์ไหน ด้านซ้ายมือทิศใต้มีวิหารหลังน้อยชื่อว่า “วิหารรัตนกุล” เป็นที่พักคอยญาติเหมือนกัน และมีตู้เซียมซีให้เสี่ยงทายด้วยที่วิหารนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหลวง พ่อฝนแสนห่า (อธิษฐานขอฝนได้) ตั้งใจอธิษฐานตอนที่สร้างขอให้เป็นองค์พระปทุมุตตระสัมมาสัมพุทธเจ้า......
ข้อมูลจาก พระอาจารย์มหาสิงห์ วิสุทฺโธเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ถ้ำป่าไผ่มกราคม ๒๕๔๗
https://www.facebook.com/pages/สมเด็จพระปทุมมุตตระ-หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์/250288668459359
วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2558
พระแม่จามเทวี บ้านหนองดู่ อำเภอซาง จังหวัดลำพูน
ตามรอยพระนางจามเทวีไปที่จังหวัดลำพูน ในฐานะที่เมืองลำพูนนั้นมีความสำคัญในอดีตมากมาย ด้วยเป็นอาณาจักรหริภุญไชยเก่าแก่ที่สุด กล่าวคือเป็นเมืองที่สุเทวฤาษีสร้างแล้วเชิญพระนางจามเทวีมาจากเมืองลวปุระ (คือเมืองลพบุรีปัจจุบัน) ขึ้นมาครองเมืองนี้เมื่อ พ.ศ.1202
เรื่องราวพระนางจามเทวีนั้นมีชาติกำเนิดเป็นชาวหริภุญไชยมาแต่เดิม โดยเป็นบุตรีของคหบดีผู้หนึ่งนามว่า “อินตา” บางแห่งว่าชื่อเมงบุตร เลยทำให้เข้าใจว่าเป็นมอญ วันประสูติตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ปีมะโรง พ.ศ.1176 เวลาใกล้ค่ำ เมื่อตอนเด็ก 3 เดือนนั้นมีพญานกโฉบจับร่างบินขึ้นไปบนท้องฟ้า พอดีสุเทวฤาษีแห่งระมิงค์นคร บำเพ็ญตบะอยู่ ณ อุจฉุตบรรพต เห็นเข้าจึงช่วยให้พ้นจากกรงเล็บนกโดยใช้พัดรองรับจากนั้นสุเทวฤาษีก็เลี้ยงดูเป็นบุตรีบุญธรรมและสอนศิลปวิทยากรต่างๆ ให้จนเรียกว่าเก่งทั้งรบและสติปัญญา
เมื่อพระนางจามเทวีเจริญวัยมีพระชนมายุได้ 13 พรรษา สุเทวฤาษีได้เนรมิตแพส่งพระนางองค์น้อยนั้นล่องไปตามน้ำจากเมืองเหนือไปยังเมืองลวปุระ (ละโว้) ว่า กุมารีน้อยนี้จะมาช่วยละโว้ประหารศัตรู “พระเจ้าวักติ” ผู้ครองนครลวปุระ ทรงรับพระกุมารีน้อยไว้ด้วยความเสน่หายิ่ง เมื่อพระราชครู พยากรณ์ดวงชะตาของกุมารีน้อยก็แจ้งว่า กุมารีน้อยผู้นี้เป็นผู้มีพระบุญญานุภาพ และพระบารมีอันยิ่งใหญ่ ภายหน้าจักได้เป็นถึงนางกษัตริย์ ปรากฏพระเกียรติยศเกริกไกรไปทั่ว พระเจ้ากรุงละโว้และมเหสีทรงรับพระนางเป็นพระธิดาและให้อภิเษกสมรสกับ “เจ้าชายรามราช” แห่งนครรามบุรี แต่ด้วยเหตุที่พระนางเป็นสตรีที่มีพระสิริโฉมงดงามมากจึงมีกษัตริย์ต่างเมืองมายกทัพมาชิง จนพระนางจามเทวีคุมทัพออกรบด้วยพระองค์เองและได้ชัยชนะ พระนางจามเทวีนึกถึงเหล่ากษัตริย์และทหารที่ล้มตายเพราะพระองค์เป็นต้นเหตุจึงให้สร้างศาลเป็นจำนวนเท่ากับกษัตริย์ที่สิ้นพระชนม์ในครั้งนั้น และทรงสร้างวัดขึ้นในสมรภูมิรบด้วยวัดหนึ่ง
เรื่องราวพระนางจามเทวีนั้นมีชาติกำเนิดเป็นชาวหริภุญไชยมาแต่เดิม โดยเป็นบุตรีของคหบดีผู้หนึ่งนามว่า “อินตา” บางแห่งว่าชื่อเมงบุตร เลยทำให้เข้าใจว่าเป็นมอญ วันประสูติตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ปีมะโรง พ.ศ.1176 เวลาใกล้ค่ำ เมื่อตอนเด็ก 3 เดือนนั้นมีพญานกโฉบจับร่างบินขึ้นไปบนท้องฟ้า พอดีสุเทวฤาษีแห่งระมิงค์นคร บำเพ็ญตบะอยู่ ณ อุจฉุตบรรพต เห็นเข้าจึงช่วยให้พ้นจากกรงเล็บนกโดยใช้พัดรองรับจากนั้นสุเทวฤาษีก็เลี้ยงดูเป็นบุตรีบุญธรรมและสอนศิลปวิทยากรต่างๆ ให้จนเรียกว่าเก่งทั้งรบและสติปัญญา
เมื่อพระนางจามเทวีเจริญวัยมีพระชนมายุได้ 13 พรรษา สุเทวฤาษีได้เนรมิตแพส่งพระนางองค์น้อยนั้นล่องไปตามน้ำจากเมืองเหนือไปยังเมืองลวปุระ (ละโว้) ว่า กุมารีน้อยนี้จะมาช่วยละโว้ประหารศัตรู “พระเจ้าวักติ” ผู้ครองนครลวปุระ ทรงรับพระกุมารีน้อยไว้ด้วยความเสน่หายิ่ง เมื่อพระราชครู พยากรณ์ดวงชะตาของกุมารีน้อยก็แจ้งว่า กุมารีน้อยผู้นี้เป็นผู้มีพระบุญญานุภาพ และพระบารมีอันยิ่งใหญ่ ภายหน้าจักได้เป็นถึงนางกษัตริย์ ปรากฏพระเกียรติยศเกริกไกรไปทั่ว พระเจ้ากรุงละโว้และมเหสีทรงรับพระนางเป็นพระธิดาและให้อภิเษกสมรสกับ “เจ้าชายรามราช” แห่งนครรามบุรี แต่ด้วยเหตุที่พระนางเป็นสตรีที่มีพระสิริโฉมงดงามมากจึงมีกษัตริย์ต่างเมืองมายกทัพมาชิง จนพระนางจามเทวีคุมทัพออกรบด้วยพระองค์เองและได้ชัยชนะ พระนางจามเทวีนึกถึงเหล่ากษัตริย์และทหารที่ล้มตายเพราะพระองค์เป็นต้นเหตุจึงให้สร้างศาลเป็นจำนวนเท่ากับกษัตริย์ที่สิ้นพระชนม์ในครั้งนั้น และทรงสร้างวัดขึ้นในสมรภูมิรบด้วยวัดหนึ่ง
พระเจ้าทันใจ วัดพระธาตุดอยคำ ด้านหลังอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่
มาทำความรู้จัก "หลวงพ่อทันใจ" กันเถอะ
หลังจากที่มีชาวบ้านหลายคนไปขอพรจาก "หลวงพ่อทันใจ" แล้วสมหวังได้โชคถูกหวยกันมาหลายราย วันนี้เราจึงชวนเพื่อนๆ ทุกคนมาทำความรู้จักกับ "หลวงพ่อทันใจ" กันเผื่อเพื่อนๆ จะเดินทางไปขอพรจากท่าน
"หลวงพ่อทันใจ" ท่านให้โชคลาภและมีญาณวิเศษที่ให้ผู้คนที่เป็นโรคภัยไข้เจ็บ แม้กระทั่งอัมพฤกษ์หรืออัมพาต หายขาดมาได้รวมถึงผู้คนที่นิยมเสี่ยงดวงกับกับการซื้อหวย โชคดีกันไปอย่างไม่น่าเชื่อ มีเกิดขึ้นที่วัดพระธาตุดอยคำ ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
วัดพระธาตุดอยคำ เป็นพระวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวแม่เหียะ ชาวเชียงใหม่มากว่า 1,400 ปี เป็นสถานอันศักดิ์สิทธิ์เป็นศูนย์รวมน้ำใจของผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนา
พระครูสุนทรเจติยารักษ์ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยคำอันศักดิ์สิทธิ์ เล่าว่า….”ผู้โชคดีมีบุญหลายราย ได้รับโชคจากการเข้ามากราบนมัสการพระธาตุและ”หลวงพ่อทันใจอันศักดิ์สิทธิ์” นักบุญทั้งหลายที่เข้ามาที่วัดดอยคำ ที่เข้ามานมัสการกราบไหว้ต่างมีโชค ธูปเทียนและดอกมะลิ 50 พวงขึ้นไป จะไปหาซื้อที่ตลาดสดที่ไหนก็ได้ แล้วนำมากราบนมัสการขอพร” ผู้นั้นจะโชคดี เรื่องจริงที่เกิดขึ้นแทบไม่น่าเชื่อว่า”ชาวฝรั่งที่มีภรรยาเป็นคนไทย”ซึ่งชาวฝรั่งเป็นโรคอัมพฤกษ์ ได้พากันมากราบนมัสการ”หลวงพ่อทันใจ”ด้วยดอกมะลิเช่นชาวพุทธคนอื่นๆที่เคารพนับถือในความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าทันใจ เป็นอัมพฤกษ์มานาน พอมากราบท่านฯเสร็จแล้วกลับมาถึงบ้านไม่กี่วันก็หายขาด จากที่เคยนั่งรถเข้นกลับมาเดินได้เหมือนเดิม คนที่เป็นอัมพาตก็หายได้เหมือนกัน มีตัวอย่างอยู่หลายคนที่เข้ามาอธิธาน
รูปภาพ : พระเจ้าทันใจ อายุ 502 ปี วัดพระธาตุดอยคำ เชียงใหม่
วิธีบนขอพรหลวงพ่อทันใจ
การอธิษฐานจะต้องใช้ดอกมะลิสด 50 พวงขึ้นไปจะกี่ร้อยกี่พันก็ได้ทั้งนั้นและให้อธิษฐานได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ท่านถึงจะให้ ซึ่งปัจจุบันผู้คนที่มาอธิฐานและขอพรขอบนบานศาลกล่าวโชคดีและได้นำดอกมะลิมากราบไหว้อีกเป็นจำนวนมาก
การเดินทางไปอธิษฐานขอพร หลวงพ่อทันใจ
วัดพระธาตุดอยคำหาไม่ยาก เพียงเดินทางไปตามถนนเส้นทางสายคันคลองเลียบคลองชลประทานและหันมองไปทางด้านที่เป็นภูเขา พระธาตุดอยคำจะอยู่เหนือบริเวณ ”พืชสวนโลก” เด่นเป็นสง่าอย่างเห็นได้ชัดนั่นคือพระธาตุดอยคำอันศักดิ์สิทธิ์ พุทธศาสนิกชนทั้งหลายหมั่นเข้าวัดทำบุญและกราบไหว้ขอพรนำสิ่งดีๆ สู่ชีวิตจะเป็นกุศลผลบุญติดตามตัวกันไปทุกชาติ โชคดีที่หลวงพ่อทันใจจะให้คือพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ อธิษฐานกันได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น สำหรับสาธุชนชาวพุทธทั้งหลาย.
คำบูชาหลวงพ่อทันใจ
ตั้งนะโม 3 จบ
โอมนะโม พุทธายะ ยะอะสะ สุมัง จะปาคะ
หลังจากที่มีชาวบ้านหลายคนไปขอพรจาก "หลวงพ่อทันใจ" แล้วสมหวังได้โชคถูกหวยกันมาหลายราย วันนี้เราจึงชวนเพื่อนๆ ทุกคนมาทำความรู้จักกับ "หลวงพ่อทันใจ" กันเผื่อเพื่อนๆ จะเดินทางไปขอพรจากท่าน
"หลวงพ่อทันใจ" ท่านให้โชคลาภและมีญาณวิเศษที่ให้ผู้คนที่เป็นโรคภัยไข้เจ็บ แม้กระทั่งอัมพฤกษ์หรืออัมพาต หายขาดมาได้รวมถึงผู้คนที่นิยมเสี่ยงดวงกับกับการซื้อหวย โชคดีกันไปอย่างไม่น่าเชื่อ มีเกิดขึ้นที่วัดพระธาตุดอยคำ ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
วัดพระธาตุดอยคำ เป็นพระวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวแม่เหียะ ชาวเชียงใหม่มากว่า 1,400 ปี เป็นสถานอันศักดิ์สิทธิ์เป็นศูนย์รวมน้ำใจของผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนา
พระครูสุนทรเจติยารักษ์ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยคำอันศักดิ์สิทธิ์ เล่าว่า….”ผู้โชคดีมีบุญหลายราย ได้รับโชคจากการเข้ามากราบนมัสการพระธาตุและ”หลวงพ่อทันใจอันศักดิ์สิทธิ์” นักบุญทั้งหลายที่เข้ามาที่วัดดอยคำ ที่เข้ามานมัสการกราบไหว้ต่างมีโชค ธูปเทียนและดอกมะลิ 50 พวงขึ้นไป จะไปหาซื้อที่ตลาดสดที่ไหนก็ได้ แล้วนำมากราบนมัสการขอพร” ผู้นั้นจะโชคดี เรื่องจริงที่เกิดขึ้นแทบไม่น่าเชื่อว่า”ชาวฝรั่งที่มีภรรยาเป็นคนไทย”ซึ่งชาวฝรั่งเป็นโรคอัมพฤกษ์ ได้พากันมากราบนมัสการ”หลวงพ่อทันใจ”ด้วยดอกมะลิเช่นชาวพุทธคนอื่นๆที่เคารพนับถือในความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าทันใจ เป็นอัมพฤกษ์มานาน พอมากราบท่านฯเสร็จแล้วกลับมาถึงบ้านไม่กี่วันก็หายขาด จากที่เคยนั่งรถเข้นกลับมาเดินได้เหมือนเดิม คนที่เป็นอัมพาตก็หายได้เหมือนกัน มีตัวอย่างอยู่หลายคนที่เข้ามาอธิธาน
รูปภาพ : พระเจ้าทันใจ อายุ 502 ปี วัดพระธาตุดอยคำ เชียงใหม่
วิธีบนขอพรหลวงพ่อทันใจ
การอธิษฐานจะต้องใช้ดอกมะลิสด 50 พวงขึ้นไปจะกี่ร้อยกี่พันก็ได้ทั้งนั้นและให้อธิษฐานได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ท่านถึงจะให้ ซึ่งปัจจุบันผู้คนที่มาอธิฐานและขอพรขอบนบานศาลกล่าวโชคดีและได้นำดอกมะลิมากราบไหว้อีกเป็นจำนวนมาก
การเดินทางไปอธิษฐานขอพร หลวงพ่อทันใจ
วัดพระธาตุดอยคำหาไม่ยาก เพียงเดินทางไปตามถนนเส้นทางสายคันคลองเลียบคลองชลประทานและหันมองไปทางด้านที่เป็นภูเขา พระธาตุดอยคำจะอยู่เหนือบริเวณ ”พืชสวนโลก” เด่นเป็นสง่าอย่างเห็นได้ชัดนั่นคือพระธาตุดอยคำอันศักดิ์สิทธิ์ พุทธศาสนิกชนทั้งหลายหมั่นเข้าวัดทำบุญและกราบไหว้ขอพรนำสิ่งดีๆ สู่ชีวิตจะเป็นกุศลผลบุญติดตามตัวกันไปทุกชาติ โชคดีที่หลวงพ่อทันใจจะให้คือพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ อธิษฐานกันได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น สำหรับสาธุชนชาวพุทธทั้งหลาย.
คำบูชาหลวงพ่อทันใจ
ตั้งนะโม 3 จบ
โอมนะโม พุทธายะ ยะอะสะ สุมัง จะปาคะ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)